Saturday, February 18, 2012

Similan Islands / Tachai Island



สิมิลันแปลว่า 9 เพราะเดิมทีมีแค่ 9 เกาะ แต่ภายหลังได้ค้นพบเกาะบอน และเกาะตาชัยในบริเวณทิศเหนือขึ้นมา ตอนนี้หมู่เกาะสิมิลันก็เลยมีทั้งหมด 11 เกาะ



ทริปนี้จองทัวร์ไปเที่ยวเกาะ 2 วัน วันแรกเราไปเที่ยวเกาะตาชัย ยังถือว่าเป็นเกาะใหม่ นักท่องเที่ยวยังรู้จักไม่มาก วันหนึ่ง ๆ มีคนขึ้นเกาะประมาณ 100 – 200 คนเท่านั้น วันนี้เราไปกับ Sea Star Tour ซึ่งถือเป็นทัวร์ที่ดีที่สุดสำหรับเกาะตาชัย



อากาศสดใส ฟ้าสีคราม เราไปลงเรือที่ท่าเรือทับละมุ ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ มีเรือตกหมึกหลายลำมาจอดเรียงกันเป็นตับ



เกาะตาชัยเป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบเกาะ จากท่าเรือทับละมุไปเกาะตาชัยโดยเรือเร็ว ใช้เวลาประมาณ 90 นาที เกาะอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ไม่อนุญาตให้ค้างคืน และปิดให้เยี่ยมชมแค่ 6 เดือนต่อปี ที่เหลือปิดเกาะให้ธรรมชาติฟื้นตัว ด้านที่ให้เรือจอดส่งนักท่องเที่ยวเป็นชายหาดสีขาวยาวประมาณ 700 เมตร น่านั่งเล่นนอนเล่น



ก่อนขึ้นเกาะเราไปดำน้ำกันก่อน น้ำทะเลใส มีปลาต่าง ๆ ให้ดูชมมากพอสมควร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสด้วย บางทีปลาก็หลบไปที่อื่นไม่มาให้ชม



บนเกาะมีที่ทำการอุทยาน และร้านอาหาร 1 แห่ง มีห้องน้ำและสุขา รวมทั้งที่นั่งทานข้าวไว้บริการนักท่องเที่ยว เป็นระเบียบดี
น้ำทะเลรอบเกาะก็เป็นสีฟ้าสด น้ำใสมาก สามารถดำน้ำตื้นดูปลา และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำได้รอบเกาะ



สิ่งมีชีวิตที่สำคัญของเกาะอย่างหนึ่งคือปูไก่ ปูขนาดใหญ่ ขุดรูอยู่ในป่า ปูชนิดนี้ปีนต้นไม้ได้ด้วย และที่ถูกเรียกว่าปูไก่ เพราะเวลาก้ามมันกระทบกันมีเสียงเหมือนไก่ แต่ไม่ยักกะได้ยินแฮะ เลยยืนยันไม่ได้เน้อ


อาหารกลางวันของเราวันนี้มีหลายอย่าง เช่น กุ้งและปลาหมึกย่าง ไก่เสียบไม้ย่าง ผัดผัก


มีขนมหวานและผลไม้บริการตลอดเวลาด้วย สมกับค่าบริการที่แพงที่สุดในบรรดาทัวร์ที่ไปเกาะตาชัย



หลังอาหารกลางวันทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย อยากว่ายน้ำก็ว่าย



อยากเดินเล่นก็เดิน หรือจะลงไปดำน้ำดูปลาก็ได้ หรือจะไม่ทำอะไรเลย หลับยาวอยู่บนหาดก็ไม่มีใครว่า



อีกสองวันต่อมาเราไปเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันอีกที คราวนี้เป็นหมู่เกาะดั้งเดิมที่มี 9 เก้าใกล้กัน ตั้งชื่อเป็นตัวเลข 1 ถึง 9



อยู่เกาะ 4 นานหน่อย เขาปล่อยดำน้ำ หรือจะเดินเล่นตามชอบใจ สัญลักษณ์ที่สำคัญของหมู่เกาะสิมิลันคือน้ำใส ทรายขาว และทุกเกาะก็เป็นเช่นนี้


ตอนดำน้ำที่เกาะ 7 มีเต่าทะเลมาว่ายน้ำเล่นด้วย คนรุมกันเต็ม จับรูปมาได้รูปเดียว ไกด์บนเรือบอกว่าถ้าได้เห็นเต่าทะเล จะอายุยืนเหมือนเต่า เอเราเห็นมา 2 ตัวแล้ว ไม่รู้อายุจะยืนเป็นสองเท่าหรือเปล่านะ



ปลาที่เห็นเยอะมากทริปนี้คือปลานกแก้ว บางทีมาเป็นฝูงเลย สวยติดตาตรึงใจ



แล้วก็ไปจบลงที่เกาะ 9 ชมหินเรือใบสัญลักษณ์ของเกาะ



ใครอยากปีนหินไปถ่ายรูปมุมสูงก็ไป อาจจะร้อนหน่อยเพราะเขายึดรองเท้าไปตอนก่อนลงเรือ ต้องเดินเท้าเปล่าตลอดวัน

Friday, February 17, 2012

Pang-nga Bay



เคยไปเที่ยวอ่าวพังงาเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว แต่พักอยู่ที่ภูเก็ต คราวนี้เลยอยากไปพักในเขตจังหวัดพังงา เลยเลือกพักที่แหลมปะการัง อยู่ใกล้ ๆ กับเขาหลัก ที่โรงแรมแคนทาที่บีชรีสอร์ท ได้บ้านพักหนึ่งห้องนอนหลังเล็ก ๆ น่ารัก



ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีโชฟาขนาดใหญ่ พร้อมมุมโต๊ะทำงาน และครัวเล็ก ๆ พร้อมจาน ชาม ช้อน ส้อม เครื่องทำแฟ เผื่ออยากหาอาหารมาทานเอง เงียบ ๆ



ห้องนอนก็กว้างขวาง เตียงขนาดใหญ่ มีห้องน้ำข้างนอกด้วย ไว้อาบน้ำแล้วชมดาวไปด้วย



รีสอร์ทตั้งอยู่ติดหาดยาวเหยียด มีความเป็นส่วนตัวสูง มีทุกอย่างครบครัน สระว่ายน้ำสวย ๆ หลายแห่ง
แขกที่โรงแรมส่วนใหญ่มาจากประเทศทางยุโรป วัน ๆ ไม่ได้ยินภาษาอังกฤษหรือไทยเลย มีแต่ภาษาดัทช์ หรือเยอรมัน หรือภาษาอื่น ๆ ที่เราไม่รู้จัก ที่แน่ ๆ มากันเป็นครอบครัว ลูกเด็ก เล็กแดง ไม่ค่อยเห็นมาใครมาเป็นคู่อย่างคู่ของเรา




เพราะรีสอร์ทอยู่ฝั่งตะวันตก เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำทุกวัน อาจเลือกชมที่ชายหาด



หรือที่สวนมะพร้าวข้างรีสอร์ท ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ



จากสนามบินภูเก็ตเราต้องเดินทางโดยรถยนต์ไปอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงรีสอร์ท วันหนึ่งเราไปเที่ยวอ่าวพังงา ก็ต้องนั่งรถย้อนไปทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไปอีก 1 ชั่วโมง เพื่อชมหมู่เกาะพังงาซึ่งเป็นเกาะหินปูนน้อยใหญ่เรียงรายกันอยู่ในอ่าวทะเลตื้น ๆ ไปเป็นครั้งที่สองแล้วแต่ก็ยังประทับใจอยู่



ภาพเขียนผนังโบราณ เขาว่าเขียนจากเลือดสัตว์


เพราะอ่าวพังงาน้ำตื้นมาก พาหนะเดินทางที่นิยมก็คือเรือหางยาวแบบนี้


แวะเขาชื่อเพราะชื่อเขาพิงกัน ฟ้าคงผ่าทำให้ภูเขาแยกจากกัน ซีกหนึ่งเลื่อนตัวลงไปพิงกับเขาที่เหลือ เป็นเขาพิงกันมาจนทุกวันนี้
ที่นี่มีชาวบ้านมาเปิดร้านขายของที่ระลึกเต็มไปหมด พื่นที่บนเกาะก็เล็กน้อย ทำให้ดูอึดอัดมาก



ข้าง ๆ มีเกาะตะปู เพราะรูปร่างเหมือนตะปู แต่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนามเกาะเจมส์บอนด์ เพราะหนังเจมส์บอนด์ ตอน The man with golden gun มาถ่ายเป็นฉากหลังในเรื่องนั่นเอง



แวะไปนั่งเรือแคนูลอดถ้ำแถวนั้น แต่ไม่ได้พายเองนะ มีคนพายให้ คนพายเรือใส่เสื้อแขนยาว หมวก ผ้าคลุมหัวครบชุด กันแดดอันแรงกล้า พูดคุยด้วยความเป็นกันเอง เลยให้ทิปไป 100 บาท เขาดีใจมาก เพราะปรกตินักท่องเที่ยวไม่มีใครให้ทิปเลย



ชมป่าโกงกางแปลกตา


มีปลาตีนและปูเปี้ยวให้ดูตามชายเลน



แวะกินข้าวที่หมู่บ้านเกาะปันหยี หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ข้างเขาหินปูน บ้านทำด้วยเสาปักขี้เลน เชื่อมต่อกันด้วยสะพานไม้ หรือสะพานปูน


ชาวบ้านทาสีบ้านสดใส ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มีอาชีพประมงเป็นหลัก



แต่ทุกบ้านก็เปิดร้านขายของให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมเกาะวันละหลายพันคน มีโรตีกล้วยไข่ด้วย อร่อยดี



กระชังปลาที่เกาะปันหยี เอาไว้ขังปลาที่จับมาได้ ไว้กินวันหลัง หรือส่งต่อให้ร้านอาหารภายในหมู่บ้าน



หลังจากชมอ่าวพังงา เราไปแวะเที่ยววัดลิง หรือวัดสุวรรณคูหา มีลิงมากมาย ตามต้นไม้และภูเขา ชาวบ้านมาขายอาหารให้นักท่องเที่ยวป้อนลิง เราไม่ค่อยเห็นด้วยเลยซักนิด แต่พวกเขาก็ทำไปเพื่อความอยู่รอด



แถมด้วยน้ำตกใกล้ ๆ สระนางมโนราห์ เป็นการจบทัวร์วันนั้น ก่อนกลับโรงแรมวันนั้น เขาส่งเราเป็นที่สุดท้าย เลยขอให้คนขับรถแวะตลาดนัดหาของกินแบบชาวบ้าน ๆ ได้ของกินมาเพียบจ่ายไปไม่ถึงสองร้อยบาท

Chiangmai 2012



เชียงใหม่เปลี่ยนไปเยอะ มีทางด่วนเกิดขึ้นมาใหม่มากมาย ถ้าให้ขับรถเองคงหลงตลอด รถราก็เยอะ
ตัวเมืองรถติดบ่อย ๆ ผู้คนก็มาจากไหนกันไม่รู้ ขวักไขว่ไปหมด



ถึงเชียงใหม่ก็ค่ำแล้ว วันรุ่งขึ้นอยากกินอาหารเมืองมาก ต้องไปจ่ายตลาดซื้อข้าวนึ่งกับกับข้าวเมืองมากินให้หายอยาก มียำหนัง (ควาย)น้ำพริกหนุ่ม ลาบหมู (ดิบ) กับจิ้นทอด อร่อยจริง ๆ



ระหว่างทางจากตลาดกับบ้าน ตะวันขึ้นท่ามกลางหมอกสวย ๆ จริง ๆ มีภูเขาอยู่ข้างหลังแต่มองไม่เห็นเป็นหมอกบัง



กลับบ้านคราวนี้ ไปอยู่ถึง 8 วัน แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน นอกจากเยี่ยมญาติ พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
กอร์ปกับไปในช่วงปลายปี นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่เต็มไปหมด ไม่ชอบเลยมันวุ่นวาย
รอบ ๆ หมู่บ้านยังคงสงบ วิถีชาวบ้านที่คุ้นเคย ทักทายไต่ถามทุกข์สุขกันตามระเบียบ แม่ควายกับลูกน้อย
กินหญ้าหน้าภูเขาคุ้นตา น่าประทับใจ



จะมีก็ไปเที่ยวน้ำตกที่คนไม่ค่อยรู้จักกันแถว ๆ แม่ริม ชื่อน้ำตกตาดหมอก รอบ ๆ เป็นธรรมชาติ ไม่มีเพิงอาหารให้รกตา



น้ำตกก็สวยดี มีหลายชั้นอยู่ แต่ไม่สูงมากนัก



จากนั้นก็แวะไปเที่ยวน้ำตกวังฮาง อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกตาดหมอกเท่าไหร่ น้ำตกนี้ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม อยู่ข้าง ๆ
หมู่บ้านชนบท น่าอิจฉาพวกชาวบ้าน มีน้ำตกสวย ๆ ให้ชมตลอดปี



มีโอกาสได้ไปตีกอล์ฟ 1 วัน สนามสวย เจ้าของปลูกไม้ผลรอบ ๆ สนามและอนุญาตให้ผู้เล่นเก็บกินได้ตามสบาย เลยได้ลองลิ้มส้มสด ๆ ข้างหลุม 15 เสียดายไม่ค่อยหวานเท่าไหร่นัก



ไปเดินตลาดบ่อย ๆ เพราะได้เติบโตมากับบรรยากาศแบบนี้ เมืองไทยมีอาหารสมบูรณ์ ของสด ของแห้ง


ของป่า ของเลี้ยง มีให้เลือกมากมาย



กบปิ้งที่ไม่ได้ทานนานแล้ว น้องชายซื้อมาทำคั่วแคกบ อร่อยดี



ผลไม้ที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าเมืองไทย มังคุดที่นี่โลละไม่กี่บาท ที่แคนาดาโลละหลายร้อย



ไปเดินตลาดนัดมุสลิมในเมืองเชียงใหม่ ที่ไหนได้มีชาวเขามาขายของเพียบเลย ได้ลองชิมขนมกงทำจากแป้งข้าวเหนียวดำทอด
ชุบน้ำอ้อยอร่อยไปอีกแบบ



มีโอกาสพักที่โรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่สองคืน แต่ไม่อยากกินอาหารเช้าที่โรงแรมเลย ออกไปกินต้มเลือดหมูข้างถนนแถวนั้น
สั่งทั้งต้มเลือดหมู โจ๊ก ปาท่องโก๋ และชา กาแฟ จ่ายไปแค่ร้อยกว่าบาท



ไปเที่ยววัดบุปผารามมาด้วย นอกจากมีวิหารอันสวยงาม



แล้วยังมีพระไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย



วันขึ้นปีใหม่ หลานตัวน้อย ๆ ปล่อยโคมไฟ ให้เคราห์ร้าย หายไป สุขสันต์ปีใหม่กันทุกคน