Friday, July 04, 2008

Canadian Rockies – Day Eight

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาฉันใด เวเคชั่นก็มีวันสิ้นสุดฉันนั้น ตื่นเช้ามาใจมันเศร้า ๆ รู้ว่าต้องจำจากบ้านหลังน้อยที่เราได้อาศัยตลอดสี่คืนที่ผ่านมา



ใจหาย เกิดอาการเศร้า คว้ากล้องถ่ายไปทั่ว เหมือนคนอกหัก ได้รูปสั่งลาท้องน้ำสีฟ้าที่เราได้ชื่นชม



ลาก่อนนะภูผาหินสูงตระหง่าน ยังไงเสียก็อย่าพังลงมาจนไม่มีอะไรเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชม



ลาก่อนดอกไม้ป่าสีสันจัดจ้าน



ขับรถออกจากทะเลสาบมอเรนประมาณ 10 โมงเช้า ไม่มีแผนจะแวะที่ไหนเลย ผ่านแบ้นฟ์ (Banff) มุ่งหน้าสู่คัลการี่เพราะมีนัดทานอาหารกลางวันในเมือง แต่เมื่อเห็นทุ่งดอกพู่กันสีสด สวยงาม เลยอดใจไม่ได้



แล้วก็จอดตรงจุดชมวิว แถว ๆ แบ้นฟ์นั่นแหละ มีอีกามาบอกลาด้วย



ลาก่อนหิมะปลายเขาสูง



Canadian Rockies ถือว่าเป็นถิ่นที่มีวิวอันสวยงามแห่งหนึ่งในโลก ถึงแม้รูปภาพจะออกมาสวยปานใด มันก็ไม่อาจเทียบกับของจริงได้ เมื่อมีโอกาสควรได้มาเยี่ยมชม แต่ถ้าหาโอกาสนั้นไม่ได้ ก็หวังว่าคุณคงได้ชื่นชมกับธรรมชาติอันสวยงามจากบล็อกเล็ก ๆ อันนี้



ทริปนี้ใช้เวลา 7 คืน 8 วัน รวมระยะทางการขับรถทั้งสิ้น 1270 กิโลเมตร เช่ารถโตโยต้าแคมรี่ ไฮบริด ใช้น้ำมันไปแค่ 77 ลิตร ขอจบแต่เพียงเท่านี้ จนกว่าจะมีเรื่องใหม่ ๆ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

Thursday, July 03, 2008

Canadian Rockies – Day Seven

วันนี้จะเรียกว่าวันเลกลูอิส เพราะวันนี้วางแผนจะไปเดินเที่ยวที่เลกลูอิส (Lake Louise) ในตอนสาย ๆ เลกลูอิสอยู่ห่างจากทะเลสาบมอเรนไปประมาณ 15 กิโลเมตรเห็นจะได้ แต่เพราะต้องขับรถลงเขาไป ขับได้ไม่เร็ว อาจใช้เวลานานหน่อย วันนี้ฟ้าใส ถ่ายรูปออกมาสวยใช้ได้



เลกลูอิส ที่คนไทยออกเสียงเป็นเลกหลุยส์แบบไม่มีเสียงเอสตอนท้ายอีกต่างหาก เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมานาน คิดว่าใคร ๆ ก็คงเคยเห็นรูปจากมุมนี้ มุมยอดนิยมของทะเลสาบลูอิส มีธารน้ำแข็งวิกทอเรีย (Victoria Glacier) อยู่ฉากหลัง


ด้านข้างของทะเลสาบมีท่าเรือแคนูให้เช่า รูปนี้เห็นน้ำสีสวยดี เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าทำไมน้ำในทะเลสาบแถบนี้มันถึงเป็นสีฟ้าสวยจัง ก็เป็นเพราะว่าทะเลสาบแถบนี้ได้น้ำมาจากธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งตอนไหลลงเขาได้บดแร่ธาตุ ผงหินทั้งหลายติดมาด้วย ผงหินและแร่ธาตุเหล่านี้บางส่วนล่องลอยกระจัดกระจายอยู่ในน้ำ เมื่อแสงแดดส่องมันก็สะท้อนแสงเห็นเป็นสีฟ้าสวย ยิ่งมองมาจากที่สูงเท่าใด สียิ่งจัดมากขึ้นเท่านั้น



เรือแคนูสีแดงสดตัดกับน้ำสีฟ้าใส



ติดกับทะเลสาบลูอิสเป็นโรงแรมเก่าแก่ชื่อ แฟร์ม้องชาโตเลกลูอิส (Fairmont Chateau Lake Louise)



เลกลูอิสมีพื้นที่แค่ 0.8 ตารางกิโลเมตร มีทางเดินไปรอบ ๆ ทะเลสาบจนถึงด้านหลัง ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อเดินไปด้านหลังทะเลสาบมองย้อนกลับมาจะเห็นโรงแรมแฟร์ม้องต์อยู่ไกล ๆ (Fairmont Chateau Lake Louise) แบบนี้


มุมนี้ถ่ายภูเขากับธารน้ำแข็งวิกทอเรีย (Victoria Glacier) จากทางเดินด้านหลังของทะเลสาบ เห็นสีขาวของหิมะตัดกับสีฟ้าสวย เอ..คุณสังเกตมั้ยว่าบางทีเราก็ใช้คำว่าหิมะ บางทีก็ใช้คำว่าธารน้ำแข็ง แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ ธารน้ำแข็งมันจะเป็นน้ำแข็งมองเห็นเป็นสีฟ้าใส ๆ และคงสภาพอยู่อย่างนั้นตลอดปี ไม่ละลายหายไปในหน้าร้อน ในขณะที่หิมะเป็นปุยขาว ๆ มีส่วนผสมของอากาศอยู่เยอะ ไม่เหมือนน้ำแข็ง


จากจุดเดิมมองย้อนกลับมาด้านหน้าของทะเลสาบ เห็นกองหินระเกะระกะ และโรงแรมแฟร์ม้องต์อยู่ไกลออกไปอีก มองไปทางไหนก็สวยไปทุกมุมสิน่า


บางคนเขาก็พากันมาขี่ม้ารอบ ๆ ทะเลสาบ (ส่วนใหญ่เป็นแขกของโรงแรมแฟร์ม้องต์) และหยุดชมวิวตรงจุดนี้เหมือนกัน


ดอกไวโอเลทป่า (Violet) ขึ้นตามทางเดิน


เดินได้แค่นั้นก็ขับรถกลับไปพักผ่อนที่มอเรนลอดจ์ นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ชมวิวทะเลสาบ เสียให้พอ พรุ่งนี้เราต้องลาจากกันไปเสียแล้ว


ออกมาอีกทีก็ตอนเย็นเพื่อมาทานอาหารที่ห้องอาหาร Tom Wilson Steak House ในโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise อาหารเย็นมื้อสุดท้ายของทริปนี้อยากให้เป็นสเต็กเฮ้าส์ เพราะคัลการี่มีเนื้อชั้นดีนั่นเอง บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง เนื้อย่างได้ที่ ทั้งเนื้อไบสัน เนื้อวัว ซี่โครง ปลาแซลม่อนและกุ้ง


ลาก่อนนะเลกลูอิส วันหนึ่งเราอาจจะพบกันอีก มีต่อ..

Canadian Rockies – Day Six

วันนี้ตั้งชื่อว่าวันทะเลสาบมอเรนเพราะวนอยู่แต่ในรีสอร์ทเกือบทั้งวัน

หลังอาหารเช้าก็พักผ่อนสบาย ๆ และอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เบื่อก็ไปเดินเล่น ไปเดินดูรอบ ๆ รีสอร์ทกัน รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทเดียวที่ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบมอเรน ถึงมีชื่อว่า Moraine Lake Lodge ยังไงล่ะ เริ่มจากระเบียงห้องสมุด ที่ห้องสมุดนี้มีน้ำชา กาแฟ และของว่างไว้บริการแขกที่มาพักที่นี่ยามบ่ายทุกวัน



ภายในห้องสมุดตกแต่งด้วยสกีไม้สมัยก่อน เรือพายเท่ ๆ เป็นต้น ตอนกลางคืนบางคืนจะมีโชว์ประสบการณ์การเดินป่า หรือชีวิตสัตว์ที่น่าสนใจ สำหรับแขกที่สนใจ



หลังจากนั้นก็ไปปีนกองหินข้างทะเลสาบ (Rockpile Trail) สูง 35 เมตร ที่ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดทะเลสาบมอเรน เพราะขวางทางเดินของลำธารที่เกิดจากธารน้ำแข็งบนเขา หินกองนี้เกิดมาจากการพังทะลายของภูเขาหินข้าง ๆ นั่นเอง



เมื่ออยู่จุดสูงสุดของกองหินจะเป็นมุมที่ดี ถ่ายรูปจะได้รูปทะเลสาบมอเรนและภูเขาสิบยอด (Moraine Lake and the Valley of the Ten Peaks) เป็นสีฟ้าสวยมาก ถ้าน้ำสงบและลมเงียบจะเกิดเป็นเงาภูเขาในน้ำสวย แบบรูปข้างล่างนี้ ถ่ายตอนสาย ๆ



ทะเลสาบมอเรนตั้งอยู่กลางหุบเขาสิบยอด (the Valley of the Ten Peaks)ซึ่งเห็นอยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนนี้เกิดการผุพังเหลือไม่ถึงสิบแล้ว ความสวยเลื่องลือถึงกับเคยปรากฏอยู่ในธนบัตรใบละยี่สิบเหรียญของแคนาดามาก่อน รูปนี้ถ่ายวันที่แดดจัดแต่ไม่มีเงาภูเขาในน้ำ



อีกด้านหนึ่งของรีสอร์มองจากกองหินจะเห็นภูเขาเท็มเปิ้ล (Temple Mountain) มีธารน้ำแข็งอยู่ปลายยอด บางวันก็ได้ยินเสียงดังตูมตามเพราะน้ำแข็งถล่มก็มี



ระหว่างที่ปีนขึ้นไปบนกองหินเห็นดอกซาซี่เฟรจลายจุด (Spotted Saxifrage) ดอกประจำถิ่นของทะเลสาบแถบนี้ ดอกขนาดเล็กประมาณหนึ่งเซ็นติเมตรได้ ขึ้นตามซอกหิน ต้องสังเกตให้ดีจึงจะเห็นลายจุดบนกลีบขาว



พักผ่อนสบาย ๆ พอเบื่อก็ไปพายเรือแคนู (Canoe) เล่น เรือแคนูนี้มีไว้บริการฟรี ๆ สำหรับแขกของรีสอร์ท บุคคลภายนอกเสียค่าเช่าชั่วโมงละ 40 เหรียญ ทะเลสาบมอเรนเป็นทะเลสาบเล็ก ๆ มีพื้นที่โดยรวมแค่ครึ่งตารางกิโลเมตร แต่เราคิดว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดแหละ พายไปก็มีความสุขเห็นหัวเรือสีแดงตัดกับน้ำสีฟ้าสด สวยงาม



ระหว่างที่พายเรืออยู่เห็นเจ้ามาร์ม็อท (Hoary Marmot) กำลังเดินเล่นอยู่ข้างฝั่ง ชักรูปแทบไม่ทัน สัตว์ชนิดนี้มีขนครึ่งหนึ่งเป็นสีขาวครึ่งหลังเป็นสีน้ำตาลอมแดง ชอบอาศัยอยู่ระหว่างซอกหินข้างทะเลสาบ เห็นมากที่นี่กับที่ทะเลสาบคอนโซเลชั่น



ภูเขาด้านหลังของทะเลสาบยอดที่หนึ่งมีชื่อว่าเฟย์ (Mount Fay) มีธารน้ำแข็งชื่อเดียวกันคือเฟย์ (Fay Glacier) แหล่งน้ำที่สำคัญแหล่งหนึ่งของทะเลสาบมอเรน



บริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบมีน้ำตกไหลลงหลายสาย ที่เห็นเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ๆ สายหนึ่ง พอดีเราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากล้องถ่ายรูปของเราถ่ายน้ำตกออกมาละมุนแบบนี้ก็ได้ เลยถ่ายออกมาให้ดู กว่าจะนึกออกก็ไม่มีน้ำตกขนาดใหญ่ให้ถ่ายซะแล้ว



จากเรือแคนูมองย้อนกลับมาทางต้นทะเลสาบ เห็นกองหินที่เราเพิ่งไปปีนมา กองหินกองนี้เองที่ทำให้เกิดทะเลสาบมอเรน เพราะมันขวางทางเดินของน้ำ ทำให้กลายเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก สวยงาม



ก่อนกลับห้องผ่านเจ้ากระรอกสีทอง (Golden Mantled Ground Squirrel) ตัวนี้ มันตกใจหันมาทำตัวพอง เพื่อให้เรากลัว เฮอะ เจ้าสัตว์ตัวน้อย เจ้าช่างไม่รู้เสียเลยว่ามนุษย์เนี่ยมีจิตใจเป็นอย่างไร เลยจับมาถ่ายรูปซะ



เม่น (Porcupine) ตัวนี้กำลังกินยอดไม้อย่างเอร็ดอร่อย บอกก่อนนะว่าสัตว์ต่าง ๆ ที่เห็น มันก็ยังเป็นสัตว์ป่าไม่ได้เข้าใกล้แต่อย่างใด ที่เห็นตัวใหญ่ขนาดนี้เพราะกล้องซูมได้หลายเท่า





เย็นนี้เราไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารป๊อปปี้บราสแซรี่ (Poppy Brasserie) หนึ่งในห้องอาหารของโรงแรมแฟร์ม้องต์ชาโตเลกลูอิส (Fairmont Chateau Lake Louise) เป็นร้านอาหารธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ แต่วิวสวย



จบวันที่หกแต่เพียงเท่านี้ มีต่อ..

Tuesday, July 01, 2008

Canadian Rockies - Day Five

วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของการพักผ่อนแบบไม่ไปไหนไกล กำลังเตรียมตัวลงมาทานอาหารเช้าเจ้าเม่น (Porcupine) ตัวนี้มาแอบโชว์ตัวอยู่หน้าบ้านหากล้องถ่ายรูปแทบไม่ทันแน่ะ



หลังอาหารเช้า เราไปเดินป่ากัน เป็นการเดินป่าที่มีไกด์นำทาง ทางเดินไม่สมบุกสมบันเท่าไหร่ แต่ต้องเดินเป็นกลุ่มเพราะถิ่นนี้มีหมีจะเป็นอันตราย เดินผ่านท่าเรือแคนูสีสันสวยสด



ยังได้รูปนกคลากส์ทุบถั่ว (Clark’s Nutcracker) ซึ่งบินว่อนอยู่แถวรีสอร์ทอยู่หลายตัว



เราเริ่มการเดินป่าวันนี้จากฐานของภูเขาเบเบล (Babel Mountain) ซึ่งสูงประมาณ 2360 เมตร เราจะเดินอ้อมไปทางซ้ายเพื่อให้ถึงอีกฝั่งหนึ่งของภูเขา จะได้ระยะทางเกือบสามกิโล ระหว่างทางเดินจะได้ขึ้นเขาสูงประมาณ 60 เมตร



เห็นดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ประมาณไม่เกินครึ่งเซ็นติเมตรได้



อีกประเภทหนึ่งดอกขนาดเท่ากันแต่เป็นรูประฆังคว่ำมีหลายสี




จะมองเห็นห้วยคอนโซเลชั่น (Consolation Creek) ลาดลงมาขนานกับเนินเขา มองคล้ายเป็นน้ำตกลดหลั่นกันมา



เดินประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงทะเลสาบคอนโซเลชั่น (Consolation Lake) ด้านซ้ายเรียกว่าพาโนราม่าริดจ์ (Panorama Ridge)




ธารน้ำแข็งควาดดร้า (Quadra Glacier) ต้นกำเนิดน้ำของทะเลสาบคอนโซเลชั่น



จากทะเลสาบคอนโซเลชั่นมองลงมา เห็นหินกองระเกะระกะ สวยไปอีกแบบ



กลับมาที่โรงแรมอีกทีก็ประมาณเที่ยง แวะรับตะกร้าปิกนิกอาหารกลางวันที่ขอไว้ตอนเช้า(รวมอยู่ในแพ็กเก็จ) ไปนั่งทานข้างทะเลสาบมอเรนโรแมนติกดีนะ



ตกบ่ายอากาศเย็น ฝนตกปรอย ๆ มีแชมเปญขวดย่อมเป็นเพื่อนอยู่หน้าเตาผิง ว่าจะอ่านหนังสือหรอก แต่ว่าแชมเปญกับหนังสือมันไม่ใช่ของคู่กันอ่ะ



เย็นนี้เราไปทานอาหารที่ร้านอาหารเลกลูอิสสเตชั่น (Lake Louise Station Restaurant) ซึ่งเคยเป็นที่ทำการสถานีรถไฟ ตอนนี้เขาเลิกใช้ไปแล้ว สังเกตเห็นดอกทิวลิปและดอกฝิ่นกำลังบาน สัญญาณการเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ



อาหารก็ใช้ได้แต่บริการช้าไปหน่อย



ร้านอาหารติดกับแม่น้ำโบว์ (Bow River) เห็นมีคนมาตกปลาอยู่ น่าสบายใจดีแท้


มีต่อ..