Sunday, October 21, 2007

2K in 3 Days (IV) - สามวันสองพันกิโล (ตอนที่ 4)

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม




โรงแรมปลุกพวกเราเวลาหกโมงสี่สิบห้า แต่เรานอนต่อจนถึงเจ็ดโมงยี่สิบห้า เพราะกว่ารถบัสจะมารับก็แปดโมงสิบห้าไม่ต้องรีบก็ได้ ที่โรงแรมนี้ไม่มีอาหารเช้าให้ เราก็แค่ดื่มกาแฟในห้องเท่านั้นเอง




วันนี้เราจะไปเที่ยวน้ำตกโชดิเอ่ร์กัน น้ำตกนี้ประกอบไปด้วยน้ำตกแขนงย่อย ๆ หลายแขนง ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองออตตาว่า-กาติโน ที่ซึ่งแม่น้ำออตตาว่าเว้าแคบระหว่างแนวหินทั้งสองฝั่ง น้ำตกกว้างประมาณ 60 เมตรและสูงประมาณ 15 เมตร




ต่ำลงมาจากน้ำตกหน่อยมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำซึ่งเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นน้ำตกได้ชัดเจน รอบ ๆ น้ำตกมีต้นไม้น้อยใหญ่ส่งสีสันสวยงาม เป็นภาพน่าประทับใจอีกภาพหนึ่ง



เรากลับขึ้นรถอีกทีตอนเก้าโมงยี่สิบ เพื่อแวะทานอาหารกลางวันที่มอนทริออล



ขับมาประมาณสามชั่วโมงเวลาเที่ยงตรงเราก็มาถึงจุดรับประทานอาหารกลางวัน เป็นแมนดารินบุฟเฟต์อีกแล้วแต่คนละร้านกับเมื่อวาน มานี่สามวันกินแต่บุฟเฟท์อาหารจีนเบื่อไปเลย



วันนี้เราทานไม่มาก และสัญญาว่าจะไม่เข้าใกล้บุฟเฟท์อาหารจีนอีกนานเลยทีเดียว



บ่ายโมงครึ่งพวกเราก็ขึ้นรถกลับบ้าน ระหว่างนี้ก็มีหยุดให้เข้าห้องน้ำหนึ่งครั้งและหยุดให้ซื้อแอ็ปเปิ้ลพายที่ร้านบิ๊กแอ๊ปเปิ้ลข้างทางหลวงด้วย



ไม่น่าเชื่อว่าลูกทัวร์จะซื้อพายมากมายปานนี้ เกือบทุกคนจะถือพายกลับบ้าน บางคนก็ซื้อตั้งหลายอัน


ก่อนถึงที่หมายมัคคุเทศน์ให้พวกเราจ่ายค่าทิปซึ่งเราก็ไดัรับทราบล่วงหน้าแล้วว่าต้องจ่ายคนละ 8 เหรียญต่อวัน สามวันก็ตก 24 เหรียญ ทั้งหมดเกือบหกสิบคนก็เกือบพันห้าร้อยเหรียญแน่ะ

หกโมงครึ่งเราลงจากรถข้างถนนสายหนึ่งในสการ์โบโร่ ทริปนี้สิ้นสุดลงแล้วแต่ความทรงจำยังอยู่ตลอดไป ตลอดทริปเราจ่ายไป สามร้อยเจ็ดสิปเหรียญ รวมเป็นค่ารถ ค่าโรงแรม อาหาร ภาษี และทิป และนอนสองคนต่อห้อง ถ้านอนสามหรือสี่คนก็จะจ่ายน้อยกว่านี้

ถึงแม้เราจะไม่ชอบบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับทริปนี้แต่เราว่าการได้ไปเที่ยวเมาท์ทรอมบลองในหน้าฤดูใบไม้ร่วงนี้ช่างคุ้มกับค่าใช่จ่ายเป็นอย่างมาก

Thursday, October 18, 2007

2K in 3 Days (III) - สามวันสองพันกิโล (ตอนที่ 3)



บ่ายสี่โมงสิบห้านาทีพวกเรามาถึงเมืองเก่าเควเบ็กซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองเดียวที่ตั้งอยู่เหนือเม็กซิโกที่มีกำแพงป้องกันข้าศึก และเป็นเมืองแบบยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา รถบัสจอดให้พวกเราลงหน้าตึกสำคัญของเมืองตึกหนึ่ง เป็นโรงแรมชื่อชาโตฟรอนติแน็ก ซึ่งตั้งชื่อตามเจ้าเมืองเควเบ็กคนหนึ่ง เชื่อว่าโรงแรงนี้ถูกถ่ายรูปมากกว่าโรงแรมใด ๆ ในโลก






เรามีเวลาสองชั่วโมงที่นี่ เราจึงเดินไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายรูป ซึมซับบรรยากาศแบบยุโรปสมัยก่อน และฟังดนตรีที่ศิลปินท้องถิ่นบรรเลงอยู่ตามหัวมุมถนน






ที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เราสามารถหาซื้อของได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องครัว หรือภาพศิลปะต่าง ๆ ทุกห้างร้านตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ส่วนใหญ่จะตกแต่งในโทนออกสีส้มสำหรับฤดูเก็บเกี่ยว






นอกจากนั้นก็ยังมีร้านอาหารและบาร์เครื่องดื่มไว้บริการ เราสามารถเลือกนั่งทั้งข้างในและข้างนอกในบรรยากาศแบบยุโรป ทางเดินแคบ ๆ และนักท่องเที่ยวขวักไขว่ทำให้เรานึกถึงตอนที่ไปเที่ยวอิตาลีเป็นอย่างยิ่ง





หกโมงสิบห้าเรากลับขึ้นรถบัสอีกที จากนี้เราก็จะไปกินอาหารเย็นกันล่ะ เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านอาหาร La Maison du Spaghetti เราก็คิดเลยว่าทัวร์นี้คงเลือกร้านอาหารที่ถูกที่สุดเพื่อทำสัญญาให้ลูกทัวร์เป็นแน่ แต่ก็นั่นแหละจะไปเอาอะไรมากกับเงิน 81 เหรียญรวมค่าอาหาร 4 มื้อ ภาษีและทิป





อาหารเรียกน้ำย่อยเป็นตับบดสองชิ้นเสริฟมาบนผักกาดหอมกับมะเขือเทศหนึ่งชิ้น ตามด้วยซุปฟักทอง อาหารหลักเราสามารถจะเลือกเนื้อ อกไก่ ปลา หรือมังสวิรัติ ถ้าจะทานกุ้งล็อปสเตอร์ก็เพิ่มตังค์อีก 5 เหรียญ ไม่ว่าจะเลือกอะไรจานหลักก็เสริฟพร้อมแคร์ร็อทและถั่วลันเตาแบบแกะจากถุงแช่แข็งมา



ระหว่างอาหารพวกเราสั่งไวน์ขาวมาขวดหนึ่งดื่มกันสามคน หลังอาหารมีเคร็มคาราเมลเสริฟเป็นของหวาน อาหารเย็นก็ผ่านพ้นไปซะที



ทุ่มห้าสิบนาทีรถบัสนำพวกเราไปส่งที่โรงแรม คืนนี้เรานอนที่โรงแรมคลาสสิก เป็นโรงแรมระดับสามดาวใกล้เมืองเก่า ห้องค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และมีอุปกรณ์พร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเป่าผม ที่รีดผ้า เครื่องชงกาแฟ หรือเตาไมโครเวฟอุ่นอาหาร



To be continued มีต่อตอนหน้า

Wednesday, October 17, 2007

2K in 3 Days (II) - สามวันสองพันกิโล (ตอนที่ 2)

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม






มัคคุเทศน์บอกให้ทางโรงแรมปลุกพวกเราแวลาโมงเช้า แต่เราตื่นก่อนเนื่องจากกลัวไม่ได้ถ่ายรูปหมู่บ้านคนเดิน จริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าทางทัวร์มีเวลาให้พวกเราถ่ายรูปที่หมู่บ้านคนเดินตอนสายวันนี้ต่างหากไม่งั้นก็คงนอนต่อ ทางโรงแรมมีอาหารเช้าให้วันนี้




พอ 8.15 น เราก็ขนกระเป๋าขึ้นรถแล้วก็ไปลงเรือท่องทะเลสาบทรอมบลอง เรือนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 45 นาที วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดเย็นยะเยือก คนส่วนใหญ่นั่งอยู่ในเรือ แต่เราไม่กลัวหนาวอยู่บนดาดฟ้าเรือตลอดเวลา 45 นาที




วิวของทะเลสาบสวยมาก ใบไม้เป็นสีส้มแดงเหลืองเขียวปนกันไป โรงแรม รีสอร์ทและคอนโดบนภูเขาโผล่มาเป็นช่วง ๆ ส่งสีตัดกับใบไม้ สวยงามเกินบรรยาย รูปภาพใด ๆ ก็มิอาจนำเสนอความงามนั้นเหมือนเราได้เห็นด้วยตาเราเอง เราเคยใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ พอได้มาเห็นทรอมบลอง ก็แทบไม่เหลือความใฝ่ฝันนั้นอีกเลย

.
เวลา 9.40 น พวกเราขึ้นจากเรือก็มีเวลาถึงหนึ่งชั่วโมงสำหรับเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่หมู่บ้านคนเดิน หมู่บ้านนี้สร้างขึ้นมาโดยกลุ่มอินทร้าเวสต์ประกอบไปด้วยโรงแรมชั้นดี ร้านอาหาร ร้านขายของ ทีเรียกว่าหมู่บ้านคนเดินเพราะไม่อนุญาตให้รถเข้า ให้เดินอย่างเดียว




พวกเรานั่งรถชื่อว่า Cabriolet เป็นรถกระเช้าแบบกอนโดล่าเพื่อขึ้นไปชั้นบนของภูเขาเหนือที่ตั้งของหมู่บ้านคนเดิน ใช้เวลานั่งรถกระเช้าประมาณ 5 นาที เสียค่าบัตรคนละ 21 เหรียญ วิวของทะเลสาบและหมู่บ้านท่ามกลางหมู่ไม้สีสดที่มองจากรถกระเช้าสวยมาก แต่พอนั่งไปได้ครึ่งทางเริ่มมีหมอกปกคลุมขาวโพลนไปหมด บนภูเขาอากาศเย็นมากทำให้หมอกกลายเป็นน้ำแข็งปกคลุมต้นไม้เป็นสีขาวสวย แต่มองได้ไม่ไกลเลย




เมื่อขึ้นไปถึงชั้นข้างบน ตรงนั้นมีตึกที่ขายอาหารและเครื่องดื่มรวมทั้งมีห้องน้ำไว้บริการ นักท่องเที่ยวบางส่วนนั่งหน้าเตาผิงเพื่อความอบอุ่น ถ้าเป็นหน้าหนาวคงมีนักสกีเต็มไปหมดเป็นแน่





เวลา 10.40 น เรากลับขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปเมืองเควเบ็กซิตี้เก่าผ่านเมืองมอนทริออล ลาก่อนทรอมบลองแล้วค่อยพบกันใหม่






12.00 น รถบัสมาถึงศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองมอนทริออลเพื่อพักกินอาหารกลางวันซึ่งวันนี้เป็นแมนดารินบุฟเฟต์

.
พวกเราผู้หญิงเริ่มเรียนรู้เวลาในการใช้ห้องน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะรอหลังอาหารก็ผลัดกันใช้ห้องน้ำระหว่างอาหารจะได้ไม่รอนาน


อาหารวันนี้มีให้เลือกน้อยกว่าติ่มซำเมื่อวาน พวกเราก็ทานกันให้เสร็จภายในเวลา 1 ชั่วโมงตามมัคคุเทศน์บอกไว้

บ่ายโมงสิบนาทีเรากลับขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังเมืองเก่าเควเบ็กซิตี้ ทั้งนี้ต้องใช้เวลาขับประมาณ 3 ชั่วโมงผ่านภูมิประเทศอันสวยงามของจังหวัดเควเบ็ก
มีต่อตอนต่อไป
To be continued.

Tuesday, October 16, 2007

2K in 3 days (I) - สามวันสองพันกิโล (ตอน1)

เพราะเรามีวันหยุดเหลืออีกสองวันจึงชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเมาท์ทรอมบลองกัน เที่ยวนี้เราเลือกเดินทางกับเซฟเวย์ทัวร์ เป็นแพ็กเก็จสามวันสองคืนจากโตรอนโตไปเมาท์ทรอมบลองและเควเบ็กซิตี้ รวม ๆ แล้วมีระยะไปกลับประมาณสองพันกิโลได้ ไปเที่ยวกันเถอะ


วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม

เราขึ้นรถบัสเวลา 7.30 น ณ ลานจอดรถแห่งหนึ่งในเมืองสการ์โบโร่ ในรถมีคนขึ้นมาแล้วเริ่มจาก 5.30 น ในเมืองมิสซิสซอกา 6.00 น จากไชน่าทาวน์เป็นต้น เมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เวลา 7.45 น ทัวร์เราก็เริ่มเดินทางไปสู่จุดหมายโดยใช้ทางหลวงสาย 401 เดินทางไปทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 10.30 น รถก็มาถึงเมืองคิงสตัน ที่ที่เราหยุดเข้าห้องน้ำหรือซื้อของคบเคี้ยวและเครื่องดื่มเป็นจุดแรก ณ ที่นี้ ห้องน้ำผู้หญิงมีคนเข้าแถวยาวเหยียด กว่าจะได้ใช้ห้องน้ำก็นานโขอยู่




ทัวร์นี้ไม่รวมอาหารและค่าผ่านประตูใด ๆ แต่มัคคุเทศน์ได้เสนอแพ็กเก็จอาหาร 4 มื้อกับค่าลงเรือในทะเลสาบเทรมบลองในราคา 81 เหรียญ ถึงแม้จะไม่บังคับแต่ทุกคนก็ซื้อกันหมด ในรถมีคนอยู่กว่า 50 คน รวม ๆ แล้วมัคคุเทศน์รับเงินสด ๆ ไปหลายตังค์

เวลาเที่ยงตรงเราได้เดินทางมาถึงออตตาวา ซึ่งเราจะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่ อาหารกลางวันเป็นติ่มซัมแบบบุฟเฟต์ อาหารมีให้เลือกหลากหลาย ทุกคนอิ่มหมีพลีมันกันถ้วนหน้า มัคคุเทศน์บอกให้พวกเรากลับขึ้นรถเวลาบ่ายโมงสิบนาที เราต้องรีบกินกันนิดหน่อย หลังอาหารพวกผู้หญิงก็มีปัญหาเรื่องรอคิวเข้าห้องน้ำเหมือนเดิม



บ่ายโมงสามสิบห้าเราเดินทางมาถึงเมืองกาติโนจังหวัดเควเบ็ก เพื่อขึ้นรถไฟชมใบไม้รอบบ่ายสองโมง สถานีรถไฟนี้มีรถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนสุดท้ายที่ยังทำงานดีอยู่ของประเทศแคนาดา ชื่อ เดอะฮอลล์-เชลซี-แวกฟิลด์ เรียกตามชื่อเมืองที่ผ่าน



เนื่องจากเป็นที่นิยมตั๋วรถไฟจึงขายหมดเกลี้ยง ใครไม่ได้จองไว้ล่วงหน้าเป็นอันอด พวกเราครึ่งหนึ่งไม่ได้นั่งรถไฟก็ต้องนั่งรถทัวร์ไปรอรับพวกที่ขึ้นรถไฟในเมืองแวกฟิลด์ แต่อันนี้เราไม่ได้เสียใจเลยวิวสองข้างทางขณะนั่งรถทัวร์ไปนั้นสวยพอ ๆ กับนั่งรถไฟเลยแหละ ซ้ำยังเร็วกว่าเป็นชั่วโมง



เราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สถานีปลายทางแวกฟิลด์โดยการถ่ายรูปรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าวิวของหมู่บ้านเล็ก ๆ ติกแม่น้ำกาตินัวทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดเควเบ็กจะสวยปานนี้ บ้านเล็ก ๆ สีสดใส ตัดกับใบไม้สีจัดในหน้าฤดูใบไม้ร่วงติดตราตรึงใจทุกคนที่ได้ไป




เวลาบ่ายสามโมงครึ่งแป๊ะ พวกที่นั่งรถไฟมาถึง ทุกคนรีบขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังเมาท์ทรอมบลองที่พักของคืนนี้ เมาท์ทรอมบลองเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาลอเรนเที่ยน อยู่ห่างจากเมืองมอนทริออลไปทางเหนือประมาณชั่วโมงครึ่งทางรถยนต์ แต่ก่อนมีชื่อเสียงในเรื่องของสถานที่เล่นสกีในหน้าหนาว แต่ตอนนี้ผู้คนก็มาตีกลอฟ์ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยานหรือเดินป่าในช่วงหน้าร้อนด้วย



ในฤดูใบไม้ร่วงเทือกเขานี้จะสวยงามเพราะสีสันของใบไม้ที่กำลังจะร่วงหล่น วิวสองข้างทางระหว่างขับรถไปเมาท์ทรอมบลองจึงสวยงามน่าประทับใจมาก ๆ


เวลาหกโมงตรงรถบัสมาถึงโรงแรมฮิลตันโฮมวูดสวีท ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วอีกทั้งอากาศก็เย็นมาก ห้องของโรงแรมถูกจองเต็ม มัคคุเทศน์บอกว่าพวกเราส่วนหนึ่งอาจจะได้เลื่อนชั้นเข้าไปอยู่ในห้องชุดของโรงแรม

เมื่อเราไปถึงห้องของเราถึงรู้ว่าเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้อัพเกรดเข้าพักห้องสวีทกับเขาในคืนนั้น ในห้องเป็นห้องนอนหนึ่งห้อง มีครัวเต็มชุด มีโต๊ะรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และเตาผิงอันแสนโรแมนติก



คืนนี้เราต้องหาอาหารทานกันเอง โชคดีที่เราเตรียมอาหารมาจากบ้านกัน จึงใช้ครัวอุ่นอาหารและจานชามในห้องรับประทานอาหารเย็นกันครึกครื้นรื่นเริงสำราญใจ

มีต่อตอนต่อไป
To be continued..